วางแผนภาษีแพทย์

ภาษีแพทย์
ในทางภาษีจะเรียกวิชาชีพอิสระนี้ว่าการประกอบโรคศิลป ซึ่งจะหมายความรวมถึงแพทย์ ทันตกรรม เภสัชกรรม พยาบาล ผดุงครรภ์ กายภาพบำบัด และเทคนิคการแพทย์ กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพในโรงพยาบาล เหล่านี้มักจะมีปัญหาในการวินิจฉัยว่าจะจำแนกเป็นเงินได้ประเภทใด ตามมาตรา40 (1) หรือ (2) หรือ (6)
เพราะแต่ละประเภทจะเสียภาษีต่างกันถ้าเข้าใจผิดหรือเสียภาษีผิดก็อาจถูกประเมินภาษีใหม่แถมต้องเสีย เบี้ยปรับเงินเพิ่ม
ซึ่งเงินได้ของแพทย์หรือกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพในโรงพยาบาล ส่วนใหญ่จะเป็นเงินได้ตาม
ตามมาตรา 40 (1) เป็นเงินเดือน ค่าจ้าง ซึ่งสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 40% (แต่ไม่เกิน 60,000.00บาท)
หรือ ตามมาตรา 40 (2) เงินได้จากการรับทำงานให้ เงินได้ในกรณีนี้คล้ายกับเงินได้ตามมาตรา 40 (1) ข้อแตกต่าง
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการวางแผนเพื่อป้องกันปัญหาภาษีในด้านต่างๆ มีความสำคัญมาก ดังนี้
- จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ภาษีสาหรับธุรกิจสุขภาพและความงาม
- คลินิกภาษีธุรกิจแพทย์ทางเลือก
- ภาษีสาหรับธุรกิจคลินิกทันตกรรม
- กิจการเติบโตขึ้นเรื่อยๆและมีกาไรมากขึ้นๆจะบริหารภาษียังไงดี

โดยในแต่ละปัญหาอาจรวมไปถึง การจัดการรายได้ในแต่ละช่องทาง ซึ่งประกอบไปด้วย
- เปิดคลินิกส่วนตัวนอกโรงพยาบาลและไม่มีเตียงสาหรับรับผู้ป่วยค้างคืน
- ออกไปตรวจรักษาคนข้าที่บ้านของคนไข้เองเป็นการส่วนตัว
- ไปประจาที่บริษัทห้างร้านตามช่วงเวลาที่ตกลง เพื่อตรวจรักษาพนักงานโดยคุณเป็นคนกาหนดค่าตรวจรักษาคนไข้เองตามจานวนพนักงานที่เข้ามาตรวจรักษาจริง
- เปิดคลินิกพิเศษในโรงพยาบาลนอกเวลาทาการปกติ และคุณเป็นคนกาหนดค่าตรวจรักษาคนไข้เองได้อย่างอิสระ
- ตรวจรักษาคนไข้ตามโรงพยาบาลอื่นที่คุณไม่ได้สังกัดอยู่ โดยไปเป็นประจาตามช่วงเวลาที่ตกลง และคุณเป็นคนกาหนดค่าตรวจรักษาคนไข้เองได้อย่างอิสระ
- โรงพยาบาลอื่นที่คุณไม่ได้สังกัดอยู่ติดต่อให้คุณไปรักษาให้เป็นการเฉพาะเจาะจง และคุณเป็นคนกาหนดค่าตรวจรักษาคนไข้เองได้อย่างอิสระเป็นรายครั้ง
- รับฝากครรภ์นอกโรงพยาบาลที่คุณสังกัดอยู่
- ค่าวิชาชีพทางการแพทย์/พยาบาลอื่นๆ ที่ติดตามความยากง่ายและปริมาณงานที่ทานอกโรงพยาบาลที่คุณสังกัดอยู่
- ได้รับเงินค่าตอบแทนจากการแต่งตั้งเป็นอนุญาโตตุลาการ (Arbitrator)
จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีสาหรับธุรกิจสุขภาพและความงาม
คลินิกภาษีธุรกิจแพทย์ทางเลือก
ภาษีสาหรับธุรกิจคลินิกทันตกรรม
กิจการเติบโตขึ้นเรื่อยๆและมีกาไรมากขึ้นๆจะบริหารภาษียังไงดี
จึงจำเป็นต้องวางแผนภาษี ดังนี้
- แยกบัญชีรับจ่ายให้ชัดเจน
- วางแผนการหักค่าใช้จ่าย
- บริหารค่าลดหย่อน


อย่างไรก็ตามการเสียภาษีให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
การเจรจาเพื่อให้เข้าใจตรงกันเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน ทั้งนี้โดยอาศัยรายละเอียดข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ปรากฏ
รวมทั้งการพัฒนาวิธีปฏิบัติเพื่อให้สอดคล้อง กับความเป็นจริง และความเป็นไปได้อย่างดีที่สุด