
ทำประกันแล้ว “ขาดทุน”
ไม่น่ากลัวเท่าครอบครัว “ขาดคุณ” 🫠
หัวหน้าครอบครัวหลายคนมักคิดว่า
ทำประกันแล้ว “ขาดทุน”
เนื่องด้วยผลตอบแทนทางการเงินของ
ประกันชีวิตต่ำกว่าการลงทุนอื่น
🔻แต่ประกันชีวิตไม่ใช่ “สินค้า” ที่ถูกออกแบบมา
เพื่อสร้างผลตอบแทนทางการเงิน
แต่เพื่อปกป้องความเสี่ยงของ “ผู้หาเงิน”ค่ะ
🔻ลองดูตัวอย่างนี้น่าจะเห็นภาพชัดขึ้น
สมมติหลานซื้อประกันรถยนต์ชั้นหนึ่งมาได้ 5 ปี
รถคันโปรดของหลาน ไม่เคยเฉี่ยวชนเลยสักครั้ง
ตัวเองก็ไม่เคยประสบอุบัติเหตุจนต้องเรียกประกัน
หลานจะบอกไหมว่า ..
“ทำประกันรถยนต์แล้วขาดทุนจัง
แหมเสียดาย ฉันน่าจะได้เคลมสักหน่อย
เสียดายเบี้ยประกันที่จ่ายไปตั้งหลายปี”
หลานจะไม่พูดอย่างนั้นแน่นอน จริงไหมคะ❓
🔸การทำประกันชีวิตก็เช่นเดียวกัน
เราต่างทำประกันชีวิตไม่ใช่เพราะ
“กำไร” หรือ “ขาดทุน”
🔸แต่เพราะต้องการปกป้องทรัพย์สินที่มีค่าที่สุด
นั่นก็คือ “ความสามารถในการหารายได้”
หรือฝรั่งเรียก “Earning Ability” ค่ะ
👉🏻วันนี้ที่ครอบครัวยังอยู่สุขสบาย
เราได้เห็นรอยยิ้มของคนทั้งบ้าน ทุกคนกินอิ่มนอนหลับ
เพราะ “ความสามารถในการหารายได้” ของเรายังอยู่
แต่ถ้ามันหายไป คงไม่ต้องบรรยายว่า
ครอบครัวจะโกลาหลเพียงใด
น้ำตาของแม่หม้ายและลูกกำพร้า ไม่ได้มีแค่ในนิยาย
แต่มีในชีวิตจริงได้ หากพ่อไม่ตระหนักถึง “การป้องกัน”
❤️ดังนั้นทำประกันชีวิตอย่ากลัว “ขาดทุน”
แต่ให้กลัว “ขาดคุณ” จะดีกว่าค่ะ
➡️ ก่อนจบขอบอกอะไรสักอย่าง
สำหรับบริษัทประกันรถยนต์
หากรถคุณไม่มีอุบัติเหตุตลอดเวลา 5 ปี
เขาไม่มีเงินคืนให้คุณสักบาทนะคะ⁉️
แต่…
ทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองค่าความสามารถ
หากหลานอยู่รอดปลอดภัย ไม่เป็นอะไร
บริษัทประกันชีวิตมี “เงินคืน” ให้หลานค่ะ
นั่นแปลว่าไม่ว่าจะออกมารูปแบบไหน
หลานและครอบครัวจะชนะทั้งสองทาง จริงมั้ย